การฝึกหัดโขน

หลักและวิธีการฝึกหัดโขน

     การฝึกหัดเบื้องต้น  หมายถึง ท่าปฏิบัติเบื้องต้นของผู้ที่จะฝึกหัดโขนทุกประเภท เพื่อเตรียมร่างกายให้เกิดความพร้อมในการฝึกหัดขั้นต่อไป ในการปฏิบัติการฝึกหัดเบื้องต้นนั้นมีแบบแผนและวิธีฝึกหัดอันเป็นศิลปะที่ประณีตและมีหลักวิชาโดยเฉพาะทั้งในเรื่องของจังหวะ การเคลื่อนไหวอวัยวะ และการสร้างร่างกายให้แข็งแรง การฝึกหัดเบื้องต้นเริ่มมีมาตั้งแต่การฝึกหัดโขนและละครหลวง   ซึ่งมีหลักการฝึกหัดคล้ายคลึงกัน จะแตกต่างกันที่วิธีฝึกหัด ลีลาท่าทางที่แบ่งเป็น ฝ่ายพระ, นาง, ยักษ์, และลิง

หลักการคัดเลือกผู้เรียน

     นักเรียนที่จะเข้ารับการฝึกหัดโขนนั้น เป็นนักเรียนชายด้วยเป็นประเพณีมาแต่โบราณ ว่า พวกโขนต้องเป็นชาย ผู้ที่เข้ารับการฝึกหัดโขนควรจะได้เริ่มหัดกันมาตั้งแต่เยาว์วัยราวอายุ 8-12 ขวบ จึงจะฝึกหัดได้ดี ถ้าเด็กมีอายุมากเสียแล้วก็หัดได้ยาก  นอกจากจะมีอุปนิสัยมาแต่เดิม เด็กชายที่จะฝึกหัดโขนนั้น ในชั้นต้นครูผู้ใหญ่จะต้องพิจารณาคัดเลือกออกเป็น 4 พวกคือ 

        1) ตัวพระ 

        2) ตัวนาง  

        3) ตัวยักษ์  

        4) ตัวลิง 

   

     ซึ่งมีรายละเอียดและลักษณะของการพิจารณาคัดเลือกดังนี้

       

      ครั้นครูคัดเลือกศิษย์ไว้แล้ว  ถึงวันพฤหัสบดี  ซึ่งนับถือกันว่าเป็นวันครู ก็ทำพิธีมอบตัวให้ครู ศิษย์จะต้องมีดอกไม้ธูปเทียนเป็นเครื่องสักการะอย่างสังเขป แล้วพร้อมกันเข้าไปเคารพครูผู้ใหญ่ มอบดอกไม้ธูปเทียนให้ท่าน  สมมติว่าดอกไม้ธูปเทียนนั้น  คือตัวของศิษย์เอง  ขอมอบให้  สุดแต่ท่านจะจัดฝึกฝนอบรมอย่างไร  เมื่อครูผู้ใหญ่รับธูปเทียนดอกไม้ไว้แล้ว  ก็นำไปสู่ที่สักการะ  ทำความเคารพบูชาอุทิศถึงครูบาอาจารย์ของท่านที่ยังมีชีวิตอยู่และล่วงลับไปแล้วอีกต่อหนึ่ง  แล้วก็เริ่มจับท่ามาจับท่าให้บรรดาศิษย์เป็นปฐมฤกษ์  ต่อนั้นไปก็มอบบรรดาศิษย์แจกจ่ายให้ครูผู้ช่วยรับไปฝึกหัดกันแต่ละฝ่าย  ตัวพระก็มอบให้ครูพระรับไปฝึกหัด  ตัวนางก็มอบให้ครูนางรับไปฝึกหัด  ตัวยักษ์ก็มอบให้ครูยักษ์รับไปฝึกหัด  ตัวลิงก็มอบให้ครูลิงรับไปฝึกหัด  ซึ่งเน้นความหนักเบาในการฝึกหัดแตกต่างกันออกไป แต่หลักใหญ่ในการฝึกหัดเบื้องต้นที่ตรงกัน  มีอยู่ 4-5 ประการ

      หลักการฝึกหัดเบื้องต้น ประกอบด้วย 

            1) ตบเข่า 

            2) ถองสะเอว 

            3) เต้นเสา         

            4) ถีบเหลี่ยม 

            5) ฉีกขา 

            6) หกคะเมน

วิธีการปฏิบัติการฝึกหัดเบื้องต้น  มีดังนี้

        1) ตบเข่า  

    เป็นการปฏิบัติการฝึกหัดเบื้องต้นลำดับแรก ซึ่งเป็นการฝึกให้นักเรียนเริ่มรู้จักจังหวะดนตรี รู้จักใช้โสตประสาทฟังท่วงทำนองเพลงและจังหวะได้แม่นยำถูกต้อง สามารถแยกแยะเสียง และมีความเคยชินกับจังหวะ  จังหวะถือเป็นหลักสำคัญในการปฏิบัติท่าเต้นโขน

         หมายเหตุ  จังหวะในการปฏิบัติท่าเต้นโขนแบ่งออกได้  2  ลักษณะ คือ

                      1. จังหวะเปิด มีลักษณะการปฏิบัติท่าติดต่อกันในคราวเดียว 

                      2. จังหวะปิด มีลักษณะการปฏิบัติท่าทีละจังหวะช้า ๆ จนครบท่า

        วิธีการปฏิบัติท่าตบเข่า 

           ท่าเตรียม ครูให้ผู้ฝึกจะให้นักเรียนนั่งพับเพียบเข้าแถวกันบนพื้นราบตั้งลำตัวและส่วนศีรษะตรง อย่างที่เรียนว่า                        อกผายไหลผึ่ง เปิดปลายคางตามองตรงไปข้างหน้า แบฝ่ามือทั้งสองข้างวางคว่ำลงบนเข่า เมื่อนักเรียน                      ทั้งหมดอยู่ในท่าเตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว ก็จะเริ่มการปฏิบัติโดยแบ่งการปฏิบัติเป็นจังหวะ3 จังหวะ ดังนี้

       จังหวะที่ 1 นักเรียนยกฝ่ามือขวาขึ้น (ตามลักษณะของมนุษย์โดยธรรมชาติจะถนัดมือขวาครูโบราณจึงกำหนดให้ยกมือ                  ขวาเป็นลำดับแรก) มือขวาที่ยกขึ้นอยู่ในระดับหน้าอก  แขนงอทำมุมฉาก 90 องศา กับลำตัว  ตบฝ่ามือ                  ขวาลงไปบนเข่าขวา พร้อมกับยกฝ่ามือซ้ายขึ้นอยู่ในระดับหน้าอก แขนงอทำมุมฉาก 90องศากับลำตัว นับ 1

       จังหวะที่ 2 ตบฝ่ามือซ้ายลงไปบนเข่าซ้าย พร้อมกับยกฝ่ามือขวาขึ้นอยู่ในระดับหน้าอกแขนงอทำมุมฉาก 90 องศา กับ                 ลำตัวนับ 2

       จังหวะที่ 3 ตบฝ่ามือขวาลงไปบนเข่าขวา พร้อมกับยกฝ่ามือซ้ายขึ้นอยู่ในระดับหน้าอก แขนงอทำมุมฉาก 90 องศา กับ                 ลำตัวนับ 3 เมื่อนักเรียนปฏิบัติจนครบแล้วให้เริ่มต้นใหม่ตามจังหวะไม้เคาะ ซึ่งครูผู้สอนจะเคาะไม้กรับเป็น                   สัญญาณ 1 ครั้ง นักเรียนปฏิบัติ 1 จังหวะ สลับกันไปอย่างนี้จนกว่าจะพรั่งพร้อมและมีจังหวัดสม่ำเสมอ                   ลักษณะการปฏิบัติเช่นนี้เรียกว่า ปิดจังหวะหรือจังหวะปิด หากครูเคาะไม้กรับเป็นสัญญาณ 2 ครั้งติดต่อกัน                   ให้นักเรียนปฏิบัติท่าตบเข่า 3 จังหวะติดต่อกันในคราวเดียวและนับ 1,2,3 ติดต่อกันในคราวเดียวด้วย  การ                 ปฏิบัติท่าตบเข่าในลักษณะนี้ เรียกว่า เปิดจังหวะหรือจังหวะเปิด  

    ในบางกรณีครูอาจจัดให้นักเรียนนั่งสองแถวหันหน้าเข้าหากันให้ตบเข่าแข่งกัน เพื่อสร้างบรรยากาศให้มีความสนุกสนานในการฝึกหัด  นักเรียนจะได้ไม่มีความรู้สึกว่าเป็นเรื่องทรมารหรือเจ็บปวดร่างกาย และเหนื่อย  การตบเข่านักเรียนต้องฝึกหัดเป็นเวลานาน ๆ วันละหลาย ๆ ครั้ง พักแล้วกลับมาฝึกหัดอีกจนมีความชำนาญคล่องแคล่ว และสามารถจดจำจังหวะได้ดี 

2) ถองสะเอว 

             เป็นการปฏิบัติการฝึกหัดเบื้องต้นลำดับที่  2  ต่อจากท่าตบเข่า  เป็นวิธีการฝึกหัดให้นักเรียนเริ่มรู้จักวิธีการยักเยื้องลำตัว  ยักคอ  ยักไหล่  และใบหน้าได้คล่องแคล่ว  ซึ่งจะทำให้อวัยวะของร่างกายตั้งแต่เอวจนถึงศีรษะมีความอ่อนไหว  ได้สัดส่วนงดงาม  เป็นไปตามลักษณะที่ต้องการได้

วิธีการปฏิบัติท่าถองสะเอว

ท่าเตรียม ครูให้ผู้ฝึกจะให้นักเรียนนั่งพับเพียบเข้าแถวกันบนพื้นราบตั้งลำตัวและส่วนศรีษะตรง อย่างที่เรียนว่า อกผายไหลผึ่ง เปิดปลายคางตามองตรงไปข้างหน้า แบฝ่ามือทั้งสองข้างวางคว่ำลงบนเข่า เมื่อนักเรียนทั้งหมดอยู่ในท่าเตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว ก็จะเริ่มการปฏิบัติ ดังนี้

ครูให้จังหวะไม้กรับ  นักเรียนยกแขนทั้งสองขึ้นข้างลำตัวระดับเอว  งอข้อศอกให้ศอกห่างจากสีข้างประมาณหนึ่งฝ่ามือ  หงายท้องแขน  กำมือหลวม ๆ พร้อมทั้งหักข้อมือเข้าหาลำตัว  ต่อจากนั้นจึงการถองสะเอว  โดยเริ่มจากกระแทกศอกขวาเข้ากับสะเอวขวา  พร้อมกับยักคอเบนศีรษะไปทางบ่าซ้ายมือซ้ายยื่นออกจากลำตัว ต่อจากนั้นให้กระแทกศอกซ้ายเข้ากับสะเอวซ้าย  พร้อมกับยักคอเบนศีรษะไปทางบ่าขวา มือขวายื่นออกจากลำตัว  ทำดังนี้สลับกันไปจนนักเรียนเกิดความคล่องแคล่ว  สามารถยักเยื้องลำตัวและศีรษะได้ดีถูกต้องตามแบบแผนปฏิบัติ  

3) เต้นเสา 

 เป็นการปฏิบัติการฝึกหัดเบื้องต้นลำดับที่  3  ต่อจากท่าถองสะเอว  เป็นวิธีการฝึกหัดให้นักเรียนเริ่มรู้จักใช้อวัยวะส่วนขาและเท้าให้แข็งแรง  กำลังอยู่ตัวและคงที่  นอกจากนี้ยังฝึกหัดให้ผู้เรียนรู้จักน้ำหนักของฝ่าเท้า  และใช้จังหวะเท้าในการเต้นให้สม่ำเสมอกัน

วิธีการปฏิบัติท่าเต้นเสา

ท่าเตรียม ครูให้ผู้ฝึกจะให้นักเรียนนั่งพับเพียบเข้าแถวกันบนพื้นราบตั้งลำตัวและส่วนศรีษะตรง อย่างที่เรียนว่า อกผายไหลผึ่ง เปิดปลายคางตามองตรงไปข้างหน้า แบฝ่ามือทั้งสองข้างวางคว่ำลงบนเข่า ครูให้จังหวะเพื่อให้นักเรียนลุกขึ้นยืนเข้าแถวหันหน้าไปตามทิศเดียวกัน  ผู้ที่อยู่หัวแถวยืนหันหน้าตรงกับต้นเสาต้นใดต้นหนึ่ง  คนหลัง ๆ ยืนเข้าแถวต่อตรงกับคนหน้า  เว้นระยะห่างกันราวหนึ่งศอก  ผู้ที่อยู่หัวแถวใช้มือแตะกับต้นเสาทั้ง 2 มือ  ทาบฝ่ามือไว้ที่เสา  น้ำหนักอยู่ที่มือตอนปลาย คนหลัง ๆ ใช้มือทั้งสองแตะที่สะเอวของคนหน้า  ต่อกันไปเป็นแถวตรง  ต่อจากนั้นครูเคาะจังหวะให้นักเรียนย่อขากันเข่าทั้งสองข้างออกไปทางซ้ายและทางขวาให้ได้ฉาก (เหลี่ยม) เมื่อนักเรียนทั้งหมดอยู่ในท่าเตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว ก็จะเริ่มการปฏิบัติโดยครูเคาะจังหวะให้นักเรียนปฏิบัติในท่าที่เรียกว่า “ตะลึกตึก” ก่อน

หมายเหตุ  “ตะลึกตึก”  มีวิธีการปฏิบัติ ดังนี้

จังหวะที่ 1 ยกเท้าขวาหนีบหน่องมากระทืบชิดส้นเท้าซ้าย ยกเท้าซ้ายขึ้นติด นับ 1

จังหวะที่ 2 กระทืบเท้าซ้ายชิดส้นเท้าขวา ยกเท้าขวาขึ้น นับ 2

จังหวะที่ 3 กระทืบเท้าขวาชิดส้นเท้าซ้าย ยกเท้าซ้ายขึ้น นับ 3

                  เมื่อนักเรียนปฏิบัติท่าตำลึกตึกแล้วยกเท้าซ้ายขึ้นรอไว้  ครูเคาะจังหวะให้นักเรียนกระทืบเท้าลงบนพื้นให้พอดีกับจังหวะ (จังหวะที่ 2 ) แล้วเปลี่ยนยกขาขวาขึ้นกระทืบเท้าขวาลงบนพื้น แล้วเปลี่ยนยกขาซ้ายกระทืบลงบนพื้น  ปฏิบัติดังนี้สลับกันพร้อมทั้งนับจังหวะ 1-2-3 ไปด้วย

4) ถีบเหลี่ยม 

       เป็นการบังคับและควบคุมอวัยวะร่างกายให้อยู่ในท่าที่ต้องการ  ทั้งยังได้ช่วงขา ช่วงแขนและอกมีระดับคงที่

วิธีการปฏิบัติท่าถีบเหลี่ยม

ท่าเตรียม  ครูให้นักเรียนยืนหันหลังแนบชิดติดกับเสาหรือฝาผนัง  แล้วให้นักเรียนย่อขาและกันเข่าทั้งสองข้างออกไป  จนส่วนโค้งของเข่าเป็นมุมฉาก (เหลี่ยม) ครูนั่งลงกับพื้นยกเท้าทั้งสองข้างใช้ฝ่าเท้ายันที่หน้าขาของนักเรียนตรงหัวเข่าด้านใน  แล้วค่อย ๆ โน้มถีบเข่าของนักเรียนแยกออกไปทางเบื้องหลังทีละน้อย ๆ จนเข่าของนักเรียนเป็นเส้นขนานกับแนวไหล่ของนักเรียน  

                ข้อควรระวัง ในการปฏิบัติท่าถีบเหลี่ยมเป็นท่าปฏิบัติที่ครูต้องกระทำให้กับนักเรียน  กล่าวคือ นักเรียนไม่สามารถนำไปปฏิบัติเองตามลำพังหรือจะให้เพื่อนนักเรียนกระทำให้มิได้  เนื่องจากหากกระทำผิดวิธีจะทำให้ได้รับอันตรายได้ 

5) ฉีกขา

  ใช้สำหรับนักเรียนที่ฝึกหัดเป็นตัวลิงโดยเฉพาะ  วิธีฉีกขาจะช่วยให้สามารถใช้ลำขาได้ตามต้องการ  และทำให้นักเรียนยืนหรือย่อเหลี่ยมได้อย่างมีส่วนสัดงดงาม

วิธีการปฏิบัติท่าฉีกขา

ท่าเตรียม ครูให้นักเรียนยืนหันหลังแนบชิดติดกับเสาหรือฝาผนังเช่นเดียวกับท่าถีบเหลี่ยมครูนั่งลงกับพื้น แล้วให้นักเรียนค่อยเลื่อนตัวลงมาจนถึงพื้น โดยขาทั้งสองข้างเหยียดตรงออกด้านข้าง  เมื่อนักเรียนลงนั่งกับพื้นแล้วครูใช้ฝ่าเท้าทั้งสองข้างยันที่หน้าขาของนักเรียนตรงหัวเข่าด้านใน  แล้วค่อย ๆ โน้มถีบเข่าของนักเรียนแยกออกไปทางเบื้องหลังทีละน้อย ๆ จนเข่าของนักเรียนเป็นเส้นขนานกับแนวไหล่ของนักเรียน ดังภาพ

                ข้อควรระวัง ในการปฏิบัติท่าฉีกขา เป็นท่าปฏิบัติที่ครูต้องกระทำให้กับนักเรียน  กล่าวคือ นักเรียนไม่สามารถนำไปปฏิบัติเองตามลำพังหรือจะให้เพื่อนนักเรียนกระทำให้มิได้  จนกว่านักเรียนจะสามารถบังคับและควบคุมอวัยวะได้เอง  เนื่องจากหากกระทำผิดวิธีจะทำให้ได้รับอันตรายได้ 

6) หกคะเมน

  ใช้สำหรับนักเรียนที่ฝึกหัดเป็นตัวลิงเช่นกัน  เป็นท่าโลดโผนสำหรับการแสดงออกตามลักษณะที่เป็นธรรมชาติของลิง

วิธีการปฏิบัติท่าหกคะเมน

                ครูให้นักเรียนยืนในท่าตรง  ใช้ฝ่ามือทั้งสองของตนยันกับพื้น  ต่อจากนั้นจึงค่อยยกเท้าทั้งสองขึ้นไปในอากาศ  แล้วหกเท้าลงข้างหลังหรือข้างหน้า 

ท่าหกคะเมนมีชื่อเรียกต่างกัน ดังนี้

ข้อควรระวัง  ในการปฏิบัติท่าหกคะเมน  ในช่วงแรก ๆ ของการปฏิบัติควรอยู่ในความดูแลของครูอย่างใกล้ชิด  นักเรียนจะนำไปปฏิบัติเองตามลำพังหรือจะให้เพื่อนนักเรียนกระทำให้มิได้ จนกว่านักเรียนจะสามารถบังคับและควบคุมอวัยวะได้เอง  เนื่องจากหากกระทำผิดวิธีหรือขาดความระมัดระวังจะทำให้ได้รับอันตรายได้