เครื่องแต่งกายนาฏศิลป์

                         ประวัติพระราม                         

 พระราม คือ พระนารายณ์อวตาร (แบ่งภาค) ลงมา ถือกำเนิดเป็นพระราชโอรสของท้าวทศรถ กับ นางเกาสุริยา เพื่อจะปราบทศกัณฐ์                  พระรามมีพระอนุชาต่างพระมารดา 3 พระองค์ คือ พระพรต พระลักษมณ์ และพระสัตรุต ซึ่งต่างก็มีความรักใคร่กันอย่างมาก 

             

        ลักษณะและสี 

              พระรามมีกายสีเขียว สีเขียวนวล 1 หน้า 2 มือ มงกุฏเดินหน มงกุฏชัย หรือพระมหามงกุฏ ตอนทรงพรตสวม"ชฎายอดฤษี"

        

          มเหสีและโอรสธิดา

                   พระมเหสีของพระราม คือ นางสีดา  ผู้เป็นพระธิดาของท้าว ทศกัณฐ์ กับนางมณโฑเทวี พระรามกับนางสีดามีโอรส 1 องค์ คือ พระมงกุฎ และมีบุตรเลี้ยง 1 องค์ คือ พระลบ ซึ่งพระควัชมฤคฤษีชุบขึ้นมาให้เป็นพระอนุชาของพระมงกุฏ

        อาวุธและลักษณะพิเศษ

  สามารถปรากฏร่างเป็นพระนารายณ์มีสี่กรได้ อาวุธประจำพระองค์ คือ ศร  ซึ่งเป็นอาวุธวิเศษ ที่ได้ประทานมาจากพระอิศวร 

                  

          บทบาทที่สำคัญในเรื่องรามเกียรติ์ ได้แก่

                           -  เมื่อเยาว์วัยพระรามได้รับการศึกษาศิลปศาสตร์ กับสำนักฤาษีสวามิตรหรือวิศวามิตร มีความเก่งกล้า ถึงกับฆ่ากากนาสูร       และสวาหุ ซึ่งมารบกวนเหล่า ฤาษีชีไพร

                            -  ท้าวชนกจักรวรรดิ์(ฤาษีชนก) ได้ให้หมู่กษัตริย์มาประลองยกศรรัตนธนู เพื่ออภิเษกกับนางสีดา  พระรามก็สามารถยกรัตน

 ธนูได้สำเร็จ และได้อภิเษกกับนางสีดา ระหว่างเดินทางกลับกรุงอโยธยา สามารถปราบรามสูร(ยักษ์ผู้ถือขวาน)  และได้ รับศรจากรามสูร

                            - ได้ฆ่าพระยาขร และพระยาทูษณ์ พี่ชายของนางสำมนักขา

                            - ระหว่างออกเดินป่า ได้ปราบพิราบยักษ์

                            - ได้ช่วยสุครีพปราบพาลี 

                            - ไปรบกับทศกัณฐ์ และได้ฆ่าทศกัณฐ์ได้สำเร็จ

                            - สถาปนาพิเภกให้ครองกรุงลงกา

                         ประวัตินางสีดา                        

นางสีดา คือ พระลักษมี มเหสีอของพระนารายณ์ อวตารลงมาเกิด เพื่อเป็นคู่ครองของพระราม ตามบัญชาของพระอิศวร นางสีดา เป็นพระธิดาของทศกัณฐ์ กับนางมณโฑ แต่เมื่อประสูติแล้ว พิเภกได้ทำนายว่า นางเป็นกาลกิณีแก่พระบิดาและบ้านเมือง ทศกัณฐ์จึงสั่งให้นำนาง

ใส่ผอบลอยน้ำไป พระฤาษีชนกพบเข้า จึงเก็บไปเลี้ยงเป็นลูก โดยฝังดินฝากแม่พระธรณีไว้ เวลาผ่านไปถึง 16 ปี พระฤาษีชนกเบื่อหน่ายการบำเพ็ญพรต คิดกลับไปครองกรุงมิถิลาเช่นเดิม จึงลาเพศพรหมจรรย์ไปขุดนางขึ้นมา  แล้วตั้งชื่อให้ว่า สีดา (แปลว่ารอยไถ) จากนั้นพานางพานางเข้าเมืองมิถิลา จัดพิธียกศรคู่บ้าน คู่เมืองเพื่อเสี่ยงทายหาคู่ครองให้นางสีดา พระรามยกศรได้ จึงได้ อภิเษกสมรสกับนางสีดา

        ลักษณะและสี

            สีนวลจันทร์หรือสีขาวผ่อง 1 หน้า 2 มือ มงกุฏนาง สวยมาก พิศพักตร์ผ่องพักตร์ดังจันทร พิศขนงก่งงอนดังคันศิลป พิศเนตรดังเนตรมฤคิน พิศทนต์ดังนิลอันเรียบราย พิศโอษฐ์ดังหนึ่งจะแย้มสรวล พิศนวลดังสีมณีฉาย พิศปรางดังปรางทองพราย พิศกรรณคล้ายกลีบบุษบง พิศจุไรดังหนึ่งแกล้งวาด พิศศอวิลาสดังคอหงส์ พิศกรดังงวงคชาพงศ์ พิศทรงดังเทพกินรา พิศถันดังปทุมเกษร พิศเอวเอวอ่อนดังเลขา พิศผิวผิวผ่องดังทองทา พิศจริตกิริยาจับใจ

        

        สวามีและโอรสธิดา

            นางสีดาเป็นมเหสีของพระราม มีโอรส 1 องค์ คือ พระมงกุฏ และมีบุตรเลี้ยง 1 องค์ คือ พระลบ ซึ่งพระวัชมฤคฤษีชุบขึ้นมาให้เป็นพระอนุชาของพระมงกุฏ

                          ประวัติหนุมาน                        

หนุมาน เป็นลิงเผือก (กายสีขาว) มีลักษณะพิเศษ คือ มีเขี้ยวแก้วอยู่กลางเพดานปาก มีกุณฑลขนเพชร สามารถแผลงฤทธิ์ให้มีสี่หน้าแปดมือ แลหาวเป็นดาว เป็นเดือนได้ ใช้ตรีเพชร (สามง่าม) เป็นอาวุธประจำตัว (จะใช้เมื่อรบกับยักษ์ตัวสำคัญๆ) มีความเก่งกล้ามาก

สามารถแปลงกาย หายตัวได้ ทั้งยังอยู่ยงคงกระพัน  แม้ถูกอาวุธของศัตรูจนตาย เมื่อมีลมพัดมาก็จะฟื้นขึ้นได้อีก เมื่อนางสวาหะถูกมารดาสาปให้ไปยืนตีนเดียว เหนี่ยวกินลม พระอิศวรจึงบัญชา ให้พระพายนำ เทพอาวุธของพระองค์ไปซัดเข้าปากของนาง นางจึงตั้งครรภ์และคลอดบุตรเป็นลิงเผือก  เหาะออกมาจากปาก ได้ชื่อว่าหนุมาน หนุมาน  จึงถือว่าพระพายเป็นพ่อของตน หนุมานได้ถวายตัว

เป็นทหารเอกของพระราม ช่วยทำการรบจนสิ้นสงคราม

                ลักษณะสำคัญของหนุมาน

                        กายสีขาว มีกุณฑล (ต่างหู) ขนเพชร เขี้ยวเพชร (อยู่กลางเพดานปาก) หาวเป็นดาวเป็นเดือน ยามแผลงฤทธิ์จะมีสี่หน้า แปดกรเป็นทหารเอกที่รู้ใจพระรามที่สุด ฉลาดรอบรู้ ค่อนข้างหัวดื้อ เช่น ตอนที่หักกิ่งไม้ ทำลายอุทยานของทศกัณฐ์ ตอนเผาเมืองลงกา เป็นต้น ซึ่งเป็นการทำนอกเหนือคำสั่ง เจ้าเล่ห์เพทุบาย มีกลอุบายมากมายซึ่งเอาไว้ใช้ในการศึก รักนายและพลีชีพเพื่อนาย

                ภรรยาและบุตรของหนุมาน

                    1.นางบุษมาลี เป็นภรรยาคนแรกของหนุมาน ได้พบกันเมื่อหนุมาน ชมพูพาน และองคต จะเดินทางไปกรุงลงกาเพื่อสืบข่าวนางสีดา ระหว่างทางไปเจอเมืองเมืองหนึ่งตั้งอยู่กลางป่า ไม่มีทหารอยู่เลย หนุมานแปลกใจจึงขอเข้าไปดู ก็ได้พบกับ “นางบุษมาลี” นางฟ้าที่พระอินทร์สาปให้มาอยู่ในเมืองนี้แต่เพียงผู้เดียว สาเหตุเพราะนางดันไปเป็นแม่สื่อแม่ชักให้แก่นางสนมของพระอินทร์กับท้าวตาวัน โดยนางบุษมาลีจะพ้นจากคำสาปได้ก็ต่อเมื่อทหารเอกของพระรามที่หาวเป็นดาวเป็นเดือนโยนนางกลับขึ้นไปบนท้องฟ้าส่งนางไปสู่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์

เมื่อหนุมานได้เจอนางบุษมาลีก็นึกรัก มีใจปฏิพัทธ์ต่อนางทันที ดังนั้นเมื่อสอบถามจนรู้ความ ก่อนจะโยนนางกลับขึ้นสวรรค์ หนุมานก็ได้นางเป็นเมียเสียก่อน แต่ถึงจะรักนางบุษมาลี หนุมานก็ไม่ยอมให้เรื่องผู้หญิงทำให้เสียงาน และก็ไม่ลืมสัญญาที่จะส่งนางกลับขึ้นสวรรค์

รักแรกของหนุมานกับนางฟ้าก็เป็นรักที่แสนสั้น และไม่ได้มีลูกด้วยกัน

                    1. เบญกาย ธิดาของพิเภก ทศกัณฐ์ลักพาตัวนางสีดามาแล้วก็วางแผนที่จะให้พระรามเลิกตามนางสีดา จึงให้ “นางเบญกาย” หลานสาวแปลงกายเป็นนางสีดาตายลอยน้ำมา ทำให้พระรามที่ได้พบศพเสียใจมาก แต่หนุมานผู้มีปฏิภาณดีมาก สังเกตเห็นว่าศพนี้ไม่น่าจะใช่นางสีดาตัวจริง จึงให้พิสูจน์ด้วยการเผาร่างนั้น นางเบญกายทนร้อนไม่ไหวก็ปรากฏตัวจริงออกมา พระรามให้พิเภกผู้เป็นพ่อเป็นผู้พิพากษาลงโทษเอง พิเภกให้ประหารชีวิตเพื่อพิสูจน์ความจงรักภักดี แต่พระรามเห็นใจจึงยกโทษให้ และให้หนุมานพากลับไปส่งที่กรุงลงการะหว่างทางหนุมานก็ได้เกี้ยวพาราสีจนได้นางเบญกายเป็นเมียอีกคน มีบุตรกับหนุมานคือ อสุรผัด

                    2.  สุพรรณมัจฉา เป็นนางเงือก ธิดาของทศกัณฐ์ ได้เป็นภรรยาขณะจองถนนข้ามกรุงลงกา มีบุตรคือ มัจฉานุ

                    3.  นางวารินทร์ ได้ขณะตามล่าวิรุญจำบัง

                    4.  นางมณโฑ ได้มาโดยการใช้เล่ห์กลขณะปลอมตัวเป็นทศกัณฐ์

                    5.  นางสุวรรณกันยุมา ทศกัณฐ์ประทานให้ ขณะเสแสร้งแปรพักต์ (นางเคยเป็นภรรยาอินทรชิต)

                    6.ิ   นางสนมอื่น ๆ อีก 5,000 ตน ที่พระรามประทานหลังจากเสร็จศึกกรุงลงกา และหนุมานได้รับการเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น 

                         "พระยาจักรกฤษณ์พิพรรธพงศา"

                        ประวัติทศกัณฐ์                         

   

         ทศกัณฑ์ เป็นอสูรบุตรของท้าวลัสเตียนกับนางรัชฎา เจ้ากรุงลงกา เดิมเป็นยักษ์ชื่อ "นนทก" กลับชาติมาเกิด ซึ่งนนทกมีหน้าที่ ล้างเท้าให้กับเทวดาทั้งหลาย เทวดาเหล่านั้นก็มักจะลูบหัวนนทกจนหัวล้าน นนทกจึงเกิดความแค้น เลยไปขอนิ้วเพชรจากพระอิศวร แล้วทำร้ายพวกเทวดาที่มาลูบหัวตน นนทกได้เข่นฆ่าเหล่าเทวดาตายนับไม่ถ้วน ทำให้พระอิศวรต้องร้องขอพระนารายณ์ให้มาช่วยปราบนนทกให้   พระนารายณ์จัดการกับนนทก โดยการจำแลงองค์เป็นนางเทพอัปสร ชื่อว่า  สุวรรณอัปสร ดักอยู่ตรงทางที่นนทกเดินผ่านเป็นประจำ       ฝ่ายยักษ์นนทกเมื่อได้เห็นนางจำแลง  จึงเกิดความหลงและเข้าไปเกี้ยวพาราสี นางจำแลงแสร้งทำยินดี โดยยื่นข้อเสนอว่าให้นนทกร่ายรำตามนางทุกท่าแล้วจะยินดี ผูกมิตรด้วย และแล้วยักษ์นนทกก็ทำตามนาง ด้วยท่ารำตามกลอนว่า

                                                        เทพนมปฐมพรหมสี่หน้า            สอดสร้อยมาลาเฉิดฉิน

                                                 ทั้งกวางเดินดงหงส์บิน                      กินรินเรียบถ้ำอำไพ

                                                 อีกช้านางนอนภมรเคล้า                    ทั้งแขกเต้าผาลาเพียงใหล่

                                                 เมขลาโยนแก้วแววไว                       มยุเรศฟ้อนในอำพร

                                                 ยอดตองต้องลมพรหมนิมิตร              ทั้งพิศมัยเรียงหมอน

                                                 ย้ายท่ามัจฉาชมสาคร                       พระสี่กรขว้างจักรฤทธิรงค์

                                                 ฝ่ายว่านนทกก็รำตาม                       ด้วยความพิศมัยไหลหลง

                                                 ถึงท่านาคาม้วนหางวง                      ชี้ตรงถูกเพลาทันใด

โดยหารู้ไม่ว่านั่นเป็นเล่ห์กล จนกระทั่งถึงท่านาคาม้วนหางนิ้วเพชรของนนทกชี้ไปที่ขาของตัวเอง ขานนทกก็หักลงทันใด นนทกล้มลง ทันใดนั้น นางแปลงกลายเป็นพระนารายณ์เหยียบอกนนทกไว้   ก่อนตาย นนทกอ้างว่าพระนารายณ์มีหลายมือตนสู้ไม่ได้ พระนารายณ์จึงให้คำสัตย์ว่า ให้นนทกไปเกิดใหม่ มีสิบเศียร สิบพักตร์ ยี่สิบมือ เหาะเหินเดินอากาศได้ มีอาวุธนานาชนิดครบทุกมือ ส่วนพระนารายณ์จะไปเกิดเป็นมนุษย์มีสองมือและตามไปฆ่านนทกให้ได้   

            ต่อมานนทกไปเกิดเป็นเปรตอยู่ที่เขาของพระอิศวรมีกระดูกยื่นออกมาจากศีรษะและใช้เส้นเอ็นของตนเล่นศอจนพระอิศวรลงมา  นนทกจึงขอพรให้ตนไปเกิดเป็นทศกัณฐ์ตามคำของพระนารายณ์  พระอิศวรจึงให้พรแล้วให้นนทกไปจุติในครรภ์พระนางรัชดา มเหสีท้าวลัสเตียน เจ้ากรุงลงกา เกิดมาเป็นโอรสนามว่า  "ทศกัณฐ์"

        ลักษณะสำคัญของทศกัณฐ์

        ทศกัณฐ์ เป็นยักษ์รูปงาม มี  10 หน้า  20 กร ทรงมงกุฏชัย ลักษณะปากแสยะ ตาโพลง กายปกติสีเขียว แต่มีนิสัยเจ้าชู้ ตอนที่เกี้ยวพาราสีนางมณโฑได้เนรมิตร่างตนเองให้เป็นสีทอง

        อาวุธของทศกัณฐ์

                ตามรามเกียรติ์ อาวุธของทศกัณฐ์มีดังกลอนต่อไปนี้

                                            กระทืบบาทผาดโผนโจนร้อง กึกก้องฟากฟ้าอึงอุด

                                            มือหนึ่งจับศรฤทธิรุทร มือสองนั้นยุดพระขรรค์ชัย

                                            มือสามจับจักรกวัดแกว่ง มือสี่จับพระแสงหอกใหญ่

                                            มือห้าจับตรีแกว่งไกว มือหกฉวยได้คฑาธร

                                            มือเจ็ดนั้นจับง้าวง่า มือแปดคว้าได้พะเนินขอน

                                            มือเก้ากุมเอาโตมร กรสิบนั้นหยิบเกาทัณฑ์

            ทศกัณฑ์ยังมีความสามารถพิเศษคือการได้ถอดดวงใจใส่กล่อง ฝากไว้กับอาจารย์คือพระฤๅษีโคบุตร ซึ่งในบางตำราก็กล่าวไว้ว่า ทศกัณฑ์ได้สวดมนต์สหัสนาม หรือพระนามทั้ง 1,000 ของพระนารายณ์ เพื่อให้สามารถรอดพ้นจากความตายได้ 1 ครั้ง และก็อาศัยช่วงนั้น ทำการควักดวงใจของตน ออกมาใส่ไว้ในกล่องแก้ว ซึ่งลงอาคมกำกับไว้ แต่มีข้อเสีย คือ หัวใจนั้น ย่อมปรารถนาจะเข้าหาที่อยู่เดิมของมัน จึงต้องเก็บรักษาไว้ให้ห่างตัวของทศกัณฑ์ ทศกัณฑ์จึงฝากให้พระฤๅษีโคบุตร เป็นผู้ดูแลกล่องดวงใจ ทำให้ไม่มีใครฆ่าได้ ด้วยความที่มีนิสัยเจ้าชู้ ได้ลักพาตัวนางสีดาผู้มีรูปโฉมที่งดงาม ไปจากพระรามที่เป็นพระสวามี เป็นเหตุให้เกิดศึกสงครามระหว่าง ฝ่ายพระราม กับ ฝ่ายทศกัณฐ์ จนญาติมิตรของฝ่ายทศกัณฐ์ล้มตายไปเป็นจำนวนมาก สุดท้ายทศกัณฐ์ก็ถูกล่อลวงเอากล่องดวงใจไป ด้วยเล่ห์เพทุบายของหนุมาน ทำให้ทศกัณฑ์เองก็ต้องตายเพราะนิสัยเจ้าชู้และความไม่ยอมแพ้ของตน ซึ่งก่อนตาย ทศกัณฐ์ได้รู้ตัวแล้วว่าต้องตายแน่ แต่ด้วยขัตติยมานะจึงต้องต่อสู้กับพระราม จึงแต่งองค์อย่างงดงาม และถูกศรพรหมมาสตร์ของพระรามฆ่าตาย ก่อนตาย ทศกัณฐ์ได้เห็นภาพว่า แท้ที่จริงแล้วพระรามคือ พระนารายณ์อวตาร และได้สั่งเสียกับน้องชายตัวเองคือพิเภก ด้วยใบหน้าทั้งสิบ ซึ่งเรียกว่า "ทศกัณฐ์สอนน้อง" และภายหลังพิเภกก็ได้ครองกรุงลงกาสืบต่อแทน

            ทศกัณฐ์ เป็นหนึ่งในยักษ์ทวารบาลสองตน ที่ยืนเฝ้าประตูทางเข้าพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามคู่กับสหัสเดชะ เพราะถือว่าเป็น ยักษ์ที่มีฤทธิ์มากเท่าเทียมกัน

            มีการวิเคราะห์กันว่า ตัวละครอย่าง ทศกัณฐ์ หรือบรรดายักษ์ในเรื่อง เป็นตัวแทนของชาวทราวิฑหรือทัสยุ ซึ่งเป็นชนชาวผิวดำที่อยู่ทางตอนใต้ของอินเดียในสมัยโบราณ   พระรามและพลพรรคลิงเป็นตัวแทนของชาวอารยัน หรือชาวผิวขาวที่อยู่ทางตอนเหนือ และชาวอารยันก็ได้ทำสงครามชนะชาวทัสยุ ซึ่งต่อมาก็ได้มีการแต่งวรรณกรรมเรื่อง รามายณะขึ้นมาเพื่อยกย่องพวกตนเอง